วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Tokyo Sonata


Tokyo Sonata เป็นหนังที่มีบทเรียนที่ดีสำหรับคนยุคนี้ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียดและการแข่งขัน ในหนังมอบบทเรียนที่ดีไว้เป็นอาวุธเพื่อไว้ในกรณีที่ต้องเจอ นั่นก็คือการรู้จักวิธีการปรับตัวของคนในครอบครัว

หากกล่าวถึงหนังเรื่องนี้แล้วเราคงต้องกล่าวแนวคิดของหนังที่นำเพลงมาใช้เป็นชื่อเรื่อง โดยหนังใช้เพลง Clair De Lune เป็นผลงานการประพันธ์ของ De Bussy เพลงนี้มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใครหลายๆคนได้ยินแล้วต้องตั้งใจฟังมันจนจบ ซึ่งเข้ากับหนังเรื่องนี้ที่ขึ้นมาอย่างราบเรียบ แล้วมาเร่งเร้า สับสนในช่วงกลางแต่สุดท้ายทุกอย่างก็คลี่คลาย

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากภาพยนตร์.........
จากภาพยนตร์แสดงถึงปัญหาครอบครัวของครอบครัวที่อยู่ท่ามกลางสังคมโลกที่เต็มไปด้วยความเครียดและการแข่งขัน โดยเรื่องราวแสดงถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่มีปัญหาการขาดปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แสดงให้เห็นถึงปัญหาครอบครัวที่ขาดความเข้าใจกัน ในเรื่องนี้แสดงถึงสภาพตัวผู้นำของครอบครัว คือผู้เป็นพ่อที่ไม่สามารถยอมรับกับการตกงานได้และด้วยความที่ตนเป็นผู้นำครอบครัวจึงไม่กล้าที่จะบอกให้คนในครอบครัวทราบ ส่วนภรรยาเมื่อรู้ว่าสามีตกงานแล้วมาเป็นคนทำความสะอาดห้างก็ไม่สามารถยอมรับได้ ด้านลูกชายคนโตที่ไม่ค่อยอยู่บ้านมาอีกมีก็ไปเป็นทหารที่อิรัก และลูกชายคนเล็กเป็นเด็กที่กล้าพูด แต่ชอบอยู่คนเดียว มีพรสวรรค์ด้านการเล่นเปียโน แต่เนื่องด้วยปัญหาทางครอบครัวพ่อเขาจึงไม่สนับสนุน เขาจึงเอาเงินค่าอาหารกลางวันที่แม่ให้ไปจ่ายที่โรงเรียนไปเรียนเปียโนแทน จากสภาพครอบครัวที่นำเสนอมานั้นเป็นครอบครัวที่ขาดการติดต่อสื่อสารกันที่ดี คือ ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อคุยกัน สิ่งนี้เองเป็นปัญหาของครอบครัว อันเกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่มีระหว่างกัน เพราะการมีปัญหาของคนใดคนคนหนึ่งแล้ว นั่นก็คือปัญหาของทุกคนในครอบครัว เมื่อมีปัญหาควรนำมาปรึกษากัน เปิดใจคุยกันร่วมกันหาทางออก พูดคุยกันแล้ววางแผนแก้ปัญหา และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนของเรื่องนี้คือ หากเกิดปัญหาอย่างในภาพยนตร์คนในครอบครัวต้องรู้จักการปรับตัวและยอมรับกับภาวะสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ทฤษฎีทางสังคมวิทยาที่พบในเรื่องนี้ คือ ทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่นิยม
ซึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Tokyo Sonata สามารถนำเสนอเนื้อเรื่องได้สอดคล้องกับทฤษฎีทางสังคมวิทยา ในทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่นิยม ก่อนอื่นมารู้จักกับทฤษฎีนี้กันก่อน
หัวใจของทฤษฎีนี้มีสมมุติฐานที่ว่า สังคมเป็นเสมือนสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง สิ่งมีชีวิตนี้จะมีส่วนประกอบหลายอย่าง แต่ละอย่างมีหน้าที่เฉพาะจะต้องปฏิบัติเพื่อการคงอยู่ของส่วนรวมคือตัวสิ่งมีชีวิตนั้น สังคมมนุษย์ก็เป็นอย่างนั้นทุกส่วนของสังคมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติ ส่วนต่างๆเหล่านั้นของสังคมรวมกันเข้าก็เป็นโครงสร้างของสังคม จึงได้ชื่อว่าทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่
กล่าวโดยสรุป คือ ทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่ช่วยในการอธิบายบริบทของสังคมในมิติขององค์ประกอบของสถาบันต่าง ๆ ที่ปรากฏ ความสัมพันธ์ของปัจเจกบุคคลและกลุ่มคนในรูปแบบของวิถีชีวิต การใช้กลไกทางสังคมผ่านระบบความเชื่อและค่านิยมเพื่อควบคุมพฤติกรรมของคน ให้สังคมอยู่ในภาวะสมดุล (Equilibrium) ไม่ให้เกิดความไร้ระเบียบ (Anomie)
ความสอดคล้องนั่นก็คือ
1.จากภาพยนตร์การแข่งขันกันทางเศรษฐกิจทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องปลดพนักงานที่มีความสามารถสู้พนักงานรุ่นใหม่ได้ เพราะคนรุ่นใหม่จะสามารถนำพาบริษัทพัฒนาไปได้ ปัญหานี้เองส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและหน้าที่ของสถาบันทางครอบครัว เศรษฐกิจ เช่น ครอบครัวขาดรายได้ ทั้งที่ครอบครัวก็มีหน้าที่ทำการบริโภค ปัจจัยต่างๆในทางเศรษฐกิจ หากครอบครัวขาดรายได้ก็ไม่มีกำลังซื้อ บริษัทที่ผลิตปัจจัยต่างๆจะอยู่ได้อย่างไร แล้วยังส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อวิถีชีวิตของชุมชนต่าง ๆ ทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค เนื่องจากสังคมจะรวมกันได้ต้องมีครอบครัว เพราะแต่ละครอบครัวมีหน้าที่ดำรงไว้ความเป็นสังคม
2.การสั่งสมความรู้ความเข้าใจผ่านวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรมของคนทั้งหมดตามทฤษฎีหน้าที่นิยมของ Malinowski ที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตด้านต่าง ๆ ของชาวญี่ปุ่นที่เชื่อว่าพ่อคือผู้นำคนครอบครัว มีศักดิ์มีศรีเหนือคนในครอบครัว ทุกคนต้องเชื่อฟัง ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อธิบายวัฒนธรรมหน้าของคนในครอบครัว ได้เป็นอย่างดี
สภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา เป็นผลทำให้ทำให้โครงสร้างหน้าที่ทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่วัฒธรรมความเชื่อเดิมก็ยังคงอยู่ซึ่งขัดกับ ปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ดังนั้นหน้าที่ของคนในสังคม คือต้องรู้จักวิธีการปรับตัว

หากเป็นตัวละครเอกในเรื่อง
หากเป็นพ่อ
ฉันจะเป็นพ่อที่คอยดูแลเอาใจใส่ครอบครัว และฉันจะบอกเรื่องตกงานให้กับทุกคนในครอบครัวรู้เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาโดยไม่อายที่จะบอก แล้วร่วมกันหาวิธีการปรับตัว
หากเป็นแม่
ฉันจะคอยดูแลคนในบ้าน เอาใจใส่ คอยให้คำปรึกษาและพร้อมยอมรับกับปัญหาของสามีที่เกิดขึ้นรวมทั้งร่วมกันหาทางแก้และปรับตัว
หากเป็นพี่คนโต
จะกลับบ้านอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ไม่ออกนอกบ้านบ่อย ไม่กลับดึกดื่น เป็นที่ปรึกษาให้น้อง และเป็นคนดีของพ่อแม่
หากเป็นน้องคนเล็ก
จะทำตัวเป็นคนดีของพ่อแม่ และจะทำตามตัวละครในเรื่องนี้ ทำตามความฝันของตนเอง ฉันคิดว่าน้องคนเล็กสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดี และคิดว่าตัวละครตัวนี้มีภูมิคุ้มกันที่ดี จนสามารถสอบเข้าโรงเรียนดนตรีได้ ในท่ามกลางที่ครอบครัวมีปัญหา
หากเป็นตนเอง
ฉันจะยอมรับกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะยากก็ตาม แต่ฉันจะเลือกวิธีการคุยกันในครอบครัวให้มาก มีเวลาพูดคุยกันในครอบครัวให้มาก มีปัญหาก็คุยปรึกษากัน และที่สำคัญต้องรู้จักวิธีการปรับตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
ข้อคิด
ความรัก ความเข้าใจ คือภูมิคุ้มกันที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัว
คำถาม
หากครอบครัวเราประสบกับปัญหาท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ เราจะมีวิธีหาภูมิคุ้มกันให้กับครอบครัวอย่างไรบ้าง ? ลองคิดกันดูนะครับ

1 ความคิดเห็น: